ภาพการแข่งขัน | วีดีโอคลิป
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 75,664 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 21.00 น. วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2549
ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน
โอเล่ กุนน่าร์ โซลชาร์ ทำ 2 ประตูพาปิศาจแดง กลับคืนสู่เส้นทางแห่งชัยชนะในพรีเมียร์ชิพด้วยชัยชนะ 2-0 อย่างง่ายดายในการพบกับนิวคาสเซิล ซึ่งไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเลยในการเก็บ 3 คะแนนเต็มของแมนฯ ยูไนเต็ด
หลังจากเสมอกับเรดดิ้ง และแพ้ให้กับอาร์เซน่อล ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เก็บได้เพียงคะแนนเดียวจากทั้งหมด 6 คะแนนในเกมลีก 2 นัดหลังสุด การเอาชนะนิวคาสเซิล จึงเป็นสิ่งจำเป็น ปิศาจแดง ทำประตูได้อย่างง่ายดายและกลับขึ้นมาเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ชิพ โดยมีคะแนนเท่ากับเชลซี แต่มีผลต่างประตูดีกว่า
เซอร์ อเล็กซ์ เปลี่ยนแปลงทีม 2 ตำแหน่งจากชุดนักเตะตัวจริงที่เอาชนะเบนฟิก้า เมื่อวันอังคาร ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ลงเล่นแทนที่ของจอห์น โอเชีย ในแผงกองกลาง และโอเล่ กุนน่าร์ โซลชาร์ ลงเล่นเป็นกองหน้าแทนที่ของหลุยส์ ซาฮา ผู้ทำประตูชัยเมื่อนัดกลางสัปดาห์
นิวคาสเซิล ตั้งใจใช้การบุกโต้กลับเป็นอาวุธ เกลนน์ โรเดอร์ ใช้แผนการเล่น 4-5-1 โดยมีโชล่า อเมโอบี้ เป็นกองหน้าตัวเดียว เดเมี่ยน ดัฟฟ์ และเจมส์ มิลเนอร์ คอยสนับสนุนทางปีก แต่พวกเขาไม่ค่อยจะได้โอกาสมากนัก
นิคกี้ บัตต์ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกองเชียร์เจ้าถิ่น ลงเล่นในแผงกองกลางร่วมกับเอ็มเร่ และสก็อตต์ พาร์คเกอร์ โดยบัตต์ ลงเล่นพบกับแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นนัดที่ 5 นับตั้งแต่ออกจากทีมไปในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขากลับมาสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฐานะคู่ต่อสู้ เขาเคยลงเล่นพบกับแมนฯ ยูไนเต็ด 2 นัดในชุดเบอร์มิงแฮม และ 2 นัดในชุดนิวคาสเซิล โดยทั้งหมดเป็นการพบกันนอกแมนเชสเตอร์ แต่ไม่มีการอ่อนข้อให้กับเพื่อนเก่าเมื่อปิศาจแดง ต้องการรักษาสถิติที่น่าภาคภูมิใจในการพบกับนิวคาสเซิล ภายใต้การคุมทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งไม่เคยแพ้ให้กับนิวคาสเซิล ในการพบกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แมนฯ ยูไนเต็ด เดินเกมของตัวเองได้ตั้งแต่ต้น สตีฟ ฮาร์เปอร์ ผู้รักษาประตูของนิวคาสเซิล ต้องออกจากเส้นมา 2 ครั้งเพื่อป้องกันเวย์น รูนี่ย์ และโซลชาร์ เข้าถึงบอลที่หลุดขึ้นมา ผู้รักษาประตูของนิวคาสเซิล ต้องออกแรงอีกครั้งในนาทีที่ 18 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งซ้ายเข้ากลางให้กับเนมานย่า วิดิช ได้โหม่งเต็มแรงแต่ยังถูกเซฟเอาไว้ได้
รูนี่ย์ ซึ่งได้ฝึกซ้อมเป็นพิเศษเพื่อเรียกฟอร์มและความฟิตกลับมา มีโอกาสบ้างในนาทีที่ 20 จากการจ่ายบอลของไมเคิล คาร์ริค แต่รูนี่ย์ ยิงหลุดออกนอกกรอบไปนิดเดียว อีก 5 นาทีต่อมา ริโอ เฟอร์ดินานด์ ได้วอลเล่ย์เต็มๆ บอลพุ่งเข้าเต็มหน้าของฮาร์เปอร์ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่อง เฟล็ตเชอร์ ยิงจากระยะ 20 หลาไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย จังหวะการเล่นและการเปิดเกมรุกทำได้อย่างยอดเยี่ยมแล้วขาดแต่เพียงจังหวะสุดท้ายในการทำประตูเท่านั้น
กาเบรียล ไฮน์เซ่ โชคร้ายที่ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าก่อนจบครึ่งแรก 15 นาที โดยให้ปาทริซ เอฟร่า ลงมาเล่นแทน แต่ก็ไม่ได้ทำให้จังหวะเกมบุกของทีมเสียไป
ในที่สุดประตูแรกก็มาจนได้ก่อนจบครึ่งแรก 4 นาที จากการเปิดลูกเตะมุมสั้นให้กับเอฟร่า ทำให้โรนัลโด้ ได้พาบอลไปที่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่เขาจะลองยิงไกลไปชนเสา โซลชาร์ รีบขยับเข้าหาบอลที่กระดอนออกมาทันทีและแปบอลเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 41 ก่อนที่จะหมดเวลาครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เข้าสู่ครึ่งเวลาหลัง ถ้าประตูก่อนจบครึ่งแรกของดาวยิงชาวนอร์เวย์มาจากสัญชาตญาณกองหน้าในการอยู่ถูกที่ถูกเวลา ประตูต่อมาของเขาหลังจากเริ่มครึ่งหลังมาได้ 4 นาทีก็แสดงถึงเอกลักษณ์ในการเป็นดาวยิงที่มีโชค เฟอร์ดินานด์ ได้บอลที่หน้ากรอบเขตโทษของนิวคาสเซิล ก่อนที่จะแตะบอลไปให้วิดิช ลองยิงไกลไปแฉลบส้นเท้าของโซลชาร์ ที่ยืนอยู่ในกรอบเขตโทษ บอลเปลี่ยนทางเข้าไปตุงตาข่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 49
แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเปิดเกมบุกต่อไป เฟล็ตเชอร์ ได้ยิงเรียดไปทางขวาแต่ฮาร์เปอร์ ยังปัดเอาไว้ได้ โรนัลโด้ ตามเข้าซ้ำจ่อๆ แต่บอลเสยคานออกไป ปีกชาวโปรตุเกสได้โอกาสอีกครั้งจากการพาบอลหาที่ว่างก่อนที่จะยิงลอดขาสตีเฟ่น คาร์ ไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
นิวคาสเซิล เปลี่ยนตัวส่งโอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ ลงสนามแทนที่ของบัตต์ แต่ไม่ได้มีผลกระทบมากนัก โรนัลโด้ ยังคงก่อกวนแผงกองหลังของนิวคาสเซิล ด้วยการพาบอลตัดจากกราบซ้ายเข้ากลาง และในนาทีที่ 65 เขาก็ได้โอกาสยิงอีกครั้งแต่บอลไม่เข้ากรอบ เฟล็ตเชอร์ ที่ทำเกมได้ดีทางฝั่งขวาได้ยิงในกรอบเขตโทษในอีก 5 นาทีต่อมา สตีเว่น เทย์เลอร์ ยกแขนขึ้นมาขวางน่าจะได้เป็นลูกจุดโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่ให้
ช่วงท้ายเกม สโคลส์ และโซลชาร์ มีโอกาสใกล้เคียงแต่ยังไม่ได้ประตู นิวคาสเซิล ไม่สามารถเปิดเกมรุกได้เลยจนกระทั่งหมดเวลาการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะนิวคาสเซิล ไปได้อย่างสบายด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้ปิศาจแดง กลับขึ้นมาเป็นจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ชิพอีกครั้ง (รีพอร์ตโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1
แกรี่ เนวิลล์ 2
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
เนมานย่า วิดิช 15
กาเบรียล ไฮน์เซ่ 4
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ไมเคิล คาร์ริค 16
พอล สโคลส์ 18 ( น. 42)
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
เวย์น รูนี่ย์ 8
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 20 ( น. 41, 49)
สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
ปาทริซ เอฟร่า 3 น. 31 กาเบรียล ไฮน์เซ่ 4
เวส บราวน์ 6
จอห์น โอเชีย 22
หลุยส์ ซาฮา 9
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
สตีฟ ฮาร์เปอร์ 12
สตีเฟ่น คาร์ 2 ( น. 53)
ปีเตอร์ ราเมจ 26
เคร็ก มัวร์ 18
สตีเว่น เทย์เลอร์ 27 ( น. 71)
เจมส์ มิลเนอร์ 16
นิคกี้ บัตต์ 22
เบโลโซกลู เอ็มเร่ 5
สกอตต์ ปาร์คเกอร์ 17 ( น. 37)
เดเมี่ยน ดัฟฟ์ 11
โชล่า อเมโอบี้ 23
สำรอง
ทิม ครูล 40
ชาร์ลเลส เอ็นซ็อกเบีย 14 น. 45 เจมส์ มิลเนอร์ 16
แมทธิว แพทติสัน 35 น. 69 เบโลโซกลู เอ็มเร่ 5
อัลเบิร์ต ลูเก้ 7
โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ 9 น. 62 นิคกี้ บัตต์ 22
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 6, ยิงหลุดกรอบ 12, โดนบล็อค 9, เตะมุม 8, ฟาวล์ 5, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 1, การครองบอล 67.5%
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ประตู 0, ยิงตรงกรอบ 2, โดนบล็อค 2, เตะมุม 3, ฟาวล์ 15, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 3, การครองบอล 32.5%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, แกรี่ เนวิลล์ 7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6, เนมานย่า วิดิช 7, กาเบรียล ไฮน์เซ่ 6, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 7, ไมเคิล คาร์ริค 7, พอล สโคลส์ 9, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 8, เวย์น รูนี่ย์ 6, โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 8, ปาทริซ เอฟร่า (สำรอง) 6
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สตีฟ ฮาร์เปอร์ 8, สตีเฟ่น คาร์ 4, ปีเตอร์ ราเมจ 5, เคร็ก มัวร์ 5, สตีเว่น เทย์เลอร์ 5, เจมส์ มิลเนอร์ 5, นิคกี้ บัตต์ 6, เบโลโซกลู เอ็มเร่ 6, สกอตต์ ปาร์คเกอร์ 7, เดเมี่ยน ดัฟฟ์ 5, โชล่า อเมโอบี้ 5, ชาร์ลเลส เอ็นซ็อกเบีย (สำรอง) 6, แมทธิว แพทติสัน (สำรอง) 5, โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ (สำรอง) 5
Por